เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูกาลมรสุมหรือฤดูฝนของประเทศไทย หลายพื้นที่ต้องประสบพบเจอกับปัญหาอุทกภัยหรือน้ำท่วมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในบางพื้นที่อาจเกิดน้ำท่วมขึ้นซ้ำๆ ซากๆ ขณะที่บางพื้นที่แม้จะยังไม่เคยเกิดน้ำท่วม แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่คาดเดาและควบคุมได้ยาก ฉะนั้น สิ่งสำคัญคือ การเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด
- ช่วงที่ 1 ก่อนน้ำท่วม
- รัฐ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการใช้ที่ดินและการกำหนดผังเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของตัวเมืองและให้เกิดสมดุลทางธรรมชาติในเส้นทางไหลของน้ำ
- การออกแบบอาคาร บ้านเรือน สถานที่ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยน้ำท่วม ให้สูงเหนือระดับที่น้ำเคยท่วมแล้ว เช่น การยกพื้นสูงอาคารให้สูงขึ้น เป็นต้น
- การสร้างแหล่งการกักเก็บน้ำหรือเป็นการกั้นทางเดินน้ำ เช่น เขื่อน ฝาย ทำนบ และถนน เป็นต้น
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีระบบพยากรณ์สภาพอากาศ และประกาศเตือนภัย ให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้าอย่างทั่วถึง ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ
- การเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำท่วม เช่น ถุงยังชีพ (ข้าวสาร อาหารแห้ง ยาประจำตัว), กระสอบทราย, ผนังกั้นน้ำ อุปกรณ์กั้นน้ำที่โครงสร้างยืดหยุ่นเพื่อปรับให้เข้ากับสภาพการใช้งาน ทนทานต่อการกัดกร่อนและแรงดันน้ำได้ดี เป็นต้น
- การเตรียมป้องกันสิ่งของและเอกสารสำคัญ เช่น ใส่เอกสารสำคัญไว้ในถุงซิปล็อก และเก็บไว้ในที่สูง
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนรับมือน้ำท่วมที่เตรียมไว้ และซักซ้อมแผนดังกล่าวร่วมกับประชาชนในพื้นที่
- ช่วงที่ 2 น้ำกำลังท่วม
- ตั้งสติ อย่าตระหนกมากเกินไป และทำตามแผนรับมือน้ำท่วมที่ได้เตรียมไว้ เช่น ล็อกประตูบ้านและอพยพขึ้นที่สูง ไม่เดินทางหรือขับรถผ่านบริเวณน้ำเชี่ยว ห้ามเข้าใกล้บริเวณปลั๊กไฟ ที่อาจเสี่ยงให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วและช็อตได้ เป็นต้น
- อพยพออกจากบ้านหรือพื้นที่น้ำท่วม เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมไม่ดีขึ้น และมีการประกาศเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรนำของจำเป็นเท่านั้นติดตัวไป โดยเฉพาะการย้ายผู้ป่วย เด็ก คนชรา ผู้ป่วยติดเตียงไปยังพื้นที่ปลอดภัย
- ช่วยกันบรรเทาปัญหาน้ำท่วมโดยทำผนังกั้นน้ำ ซึ่งปัจจุบันมีนวตกรรมผนังกั้นน้ำ WATER WALL ที่แข็งแรง ทนทาน มีประสิทธิภาพดีกว่ากระสอบทราย และยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ตลอดอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี
- ติดตามข้อมูลข่าวสารหรือการแจ้งเตือนน้ำท่วมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา ทั้งระดับส่วนกลาง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และในระดับพื้นที่ เช่น นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เป็นต้น
- หากต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ควรประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่ใกล้ชิดมากที่สุด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) สายด่วนรับแจ้ง-เตือนภัยน้ำท่วม โทร. 1111 กด 5, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สายด่วนแจ้งเตือนสาธารณภัย โทร. 1784 เป็นต้น
- ช่วงที่ 3 หลังน้ำท่วมแล้ว
- รัฐมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือ ผู้ที่ได้ผลกระทบหรือความเสียหายจากภัยน้ำท่วม
- ชุมชนช่วยเหลือเกื้อกูล ฟื้นฟูสภาพจิตใจและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
- ร่วมกันถอดบทเรียนกับเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น เพื่อวางแนวทางป้องกันและรับมือกับปัญหาน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นต่อไป